ถอดธรรมบรรยายจากคลิป “นวัตกรรมแห่งสติ๕๑”

คลิปนวัตกรรมแห่งสติ๕๑ (เช้า ๕ ส.ค. ๖๐) ณ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธิกสมาคมฯ (ศูนย์ ๒ ปทุมธานี) วันที่ ๒ – ๘ สิงหาคม โดยหลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

จะเลือกเป็นคนประเสริฐหรือเป็นคนประสาท

เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
คือพึ่งใจที่สงบ กายที่สงบ
การฝึกกรรมฐานช่วยให้เรามีที่พึ่ง
ไม่ใช่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่วัด
พระรัตนตรัยคือความสะอาด สว่าง สงบ
ของกาย วาจา ใจ และสิ่งแวดล้อม
ทำให้ชีวิตของเรามีที่พึ่ง
คนที่ฝึกฝนตนเองเป็นประจำเป็นคนประเสริฐ
คนที่ไม่ชอบฝึกฝนตัวเองเป็นคนประสาท
เราจะเป็นคนประเสริฐหรือคนประสาท เราเลือกได้
คนประสาทหมายถึงคนที่ไม่มีระเบียบ
ทั้งกาย วาจา ใจ และสิ่งแวดล้อม
บางคนแต่งตัวสวยงาม ไปดูที่บ้านรกรุงรังดูไม่ได้เลย
มีแต่ความเป็นระเบียบสวยงามทางกาย
แต่ทางใจไม่มี สิ่งแวดล้อมก็ไม่มี
เราต้องทำไปเรื่อยๆ เพิ่งเริ่มต้นก็ยังดีกว่าไม่มีการเริ่มต้นเลย
บางชาติเริ่มต้นมาเป็นร้อยๆ ปี มีวัฒนธรรมที่ลึกมานับพันปี
เราเองมีรากฐานวัฒนธรรมที่สับสน
เป็นผี เป็นพราหมณ์ เป็นเจ้า เป็นองค์ เป็นเทพ
เป็นพุทธ เป็นพราหมณ์ ปนกันหมด ทำให้พัฒนายาก
คนไทยมีความหลากหลาย
แต่ถ้ามีขบวนการอันเดียวกันที่ชัดเจนก็จะมีพลัง
ความหลากหลายที่ไร้พลังเป็นความสับสนวุ่นวาย

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

ความคิดมาจากไหน?

ความคิดเกิดขึ้นเพราะขาดสติ
มีรากเหง้ามาจากความหลง
ถ้าไม่หลงก็จะคิดไม่ได้
ความคิดมาจากความหลง
ความหลงมาจากความเผลอ
ความเผลอมาจากความเพลิน
ความเพลินมาจากความสบายกาย
ความสบายกายมาจากสุขเวทนา
คลื่นใหญ่เกิดจากคลื่นเล็กสืบทอดกันมา
ความคิดเป็นคลื่นอันดับสุดท้าย
ที่ต่อมาจากความเผลอความเพลิน
เราต้องมาแก้ไขที่ต้นเหตุ
ความรู้สึกที่สบายน่ากลัวกว่าความรู้สึกที่ไม่สบาย
เพราะความรู้สึกสบายทำให้เราประมาท เผลอเรอได้ง่าย
แต่คนเราชอบเสพความสบายเพราะไม่รู้จักมัน
คนทำงานหนักสะสมความลำบากมาเยอะ
ความสบายเป็นเหมือนรางวัล
รางวัลที่ได้บ่อยๆ จะไม่มีความหมายอะไร
รางวัลที่นานๆ ได้ที หมายถึงเรามีคุณสมบัติพอที่จะได้รางวัล

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

จัดระเบียบกระแสทุกข์ให้เกิดประโยชน์

ชีวิตเป็นที่ตั้งของความทุกข์
เราต้องจัดแจงความทุกข์ให้เป็นระเบียบเพียงพอ
ถึงจะได้รางวัลคือความสุข
ถ้าจัดระเบียบความทุกข์ไม่เป็นก็ยังไม่ได้รางวัล
ความทุกข์ต้องกำหนดรู้
เพื่อจัดระเบียบให้เรียบร้อยเข้าระบบของมัน
เรามีแสงสว่างใช้เป็นรางวัลของกระแสน้ำที่ไหลตลอดเวลา
เป็นรางวัลของแสงอาทิตย์ที่ส่องตลอดเวลา
เป็นรางวัลจากแรงลมที่พัดตลอดเวลา
เป็นรางวัลจากถ่านหินที่สะสมอยู่ใต้ดินหลายพันปี
เรามาจัดระเบียบเป็นกระแสไฟ
จัดระเบียบเป็นพลังงานไฟฟ้า แสงสว่าง ความร้อน
ที่สามารถใช้ในครัว เป็นรางวัลของธรรมชาติ
อาศัยความฉลาดของมนุษย์ในการจัดระเบียบ
ฉันใดก็ดี กระแสดิน น้ำ ลม ไฟ
ที่สร้างกระแสความทุกข์ในร่างกายของเรา
ก็เหมือนกระแสดิน น้ำ ลม ไฟ ภายนอก
ธรรมชาติจัดระเบียบกระแสของดิน น้ำ ลม ไฟ ภายนอก
น้ำก็ต้องไหลลง พระอาทิตย์ต้องส่องแสง
ธาตุดินก็จะต้องหมักตัว อัด ควบแน่นในตัวมันเอง
ธาตุลมก็พัดตลอดเวลา
ดิน น้ำ ลม ไฟ ทำหน้าที่ของมันตามธรรมชาติฉันใด
ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่รวมมาเป็นตัวเรา
ก็ต้องทำหน้าที่ออกมาเป็นกระแสพลังงาน

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

วิศวกรชีวิตแปลงพลังทุกข์เป็นพลังรู้

การปฏิบัติวิปัสสนา
เหมือนการฝึกฝนตนเองให้เป็นวิศวกรพลังงาน
เพื่อจัดระเบียบกระแสความทุกข์ในกายของเรา
ให้เป็นระบบ ให้เข้าที่เข้าทางก่อน เรียกว่าศีล
เช่น เราจัดระเบียบกระแสน้ำที่ไหลลง
ด้วยการสร้างสันเขื่อนขึ้นมา
เมื่อสร้างสันเขื่อนที่เข้มแข็งได้สำเร็จ
สามารถกักเก็บน้ำได้เป็นหมื่นเป็นล้านลูกบาศก์เมตร
เมื่อมีพลังเก็บกักไว้ตรงนั้น
ก็จะมีการจ่ายพลังอย่างเป็นระเบียบ
โดยผ่านท่อเล็กๆ แล้วหมุนมอเตอร์ปั่นเป็นกระแสไฟ
จัดระเบียบทางกายเรียกว่าศีล เป็นฮาร์ดแวร์
เมื่อการจัดคงที่เหนียวแน่น ไม่เกิดการพักการเสื่อม
เป็นพลังสมาธิ
แล้วปล่อยกระแสน้ำผ่านระบบที่ถูกต้องมั่นคง
ออกมาเป็นกระแสไฟฟ้า เป็นพลังของปัญญา

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

ฝนตกในใจไม่มีฤดูกาล

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สติ เตสัง นิวารณัง”
สติเป็นเขื่อนกั้น
ไม่ว่าจะกั้นกระแสของจิตหรือกระแสของน้ำ
ใช้เขื่อนคือสติ
การสร้างสติคือการเริ่มสร้างเขื่อน
เพื่อกั้นกระแสการไหลของเวทนาทางกาย
ที่เราได้รับการกระทบจากภายนอก
เหมือนเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบ
ทั้งหกทางตลอดเวลา
รูปกระทบตา เสียงกระทบหู
กลิ่นกระทบจมูก สัมผัสกระทบกาย
รสกระทบลิ้น อารมณ์กระทบจิต
เปรียบเสมือนเม็ดฝนตกกระทบตลอดเวลา
ฝนภายนอกยังมีฤดูกาล
แต่ฝนภายในมันตกตลอดเวลาไม่มีฤดูกาล
มันจึงเป็นพลังมหาศาล
พระพุทธเจ้าค้นพบพลังนี้
และรู้ว่าต้องสร้างเขื่อนคือสติ
ให้มีความเหนียวแน่นของเขื่อน
โดยการเสริมเหล็ก เรียกว่าสัมปชัญญะ
สติอย่างเดียวเหมือนเนื้อปูนทั้งก้อน
มีสัมปชัญญะคือไส้เส้นเหล็กมากมายสานกัน
จนกระทั่งมั่นคงสามารถสกัดน้ำไว้ได้ เป็นสมาธิ
เราต้องสร้างพลังของความรู้
เพื่อจัดระเบียบกายระเบียบใจให้ได้
ถ้าเราสร้างความรู้สึกตัว
แต่ว่าจัดระเบียบกายระเบียบจิตไม่เป็น
ความรู้สึกตัวนั้นก็ไม่ถูกต้อง
เหมือนเราผสมปูนไม่ถูกส่วน
เอาไปสร้างเขื่อนไม่นานก็พัง
เพราะจะมีอัตราส่วนของเขาอยู่
ว่าเท่าไรจึงจะมีความเข้มแข็ง

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

ใช้สติปัฏฐานสี่จัดระเบียบกายใจ

เราสามารถจัดระเบียบความรู้สึกตัวเป็นชั้นๆ ดังนี้
๑. ชั้นกายานุปัสสนา
เหมือนสัมปชัญญะที่เป็นไส้ใน
แบ่งเป็นระบบย่อย อีกหกระบบ ได้แก่
-ระบบหายใจ ระบบอิริยาบถสี่ (ยืน เดิน นั่ง นอน)
-ระบบอิริยาบถย่อย (คู้ เหยียด เคลื่อนไหว)
-ระบบธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
แยกออกเป็นสัดส่วน เหมือนตัวเสาหลัก
-ระบบอาการสามสิบสอง
เหมือนตัวทักษะมัดเหล็กให้แน่น
-และระบบตรวจสอบซ่อมแซมส่วนที่เสียหายคืออสุภะ
๒. ชั้นเวทนานุปัสสนามีสาม แยกเป็นเก้า
-สุขเวทนา ตรวจสอบดูว่า
เขื่อนที่ก่อแล้วมั่นคงดีหรือไม่
-ทุกขเวทนา ส่วนที่มีความแปรปรวน
จะรั่วตรงไหน ต้องมีการอุดการยา
-อทุกขมสุขเวทนา ส่วนที่ต้องเฝ้าระวัง
เป็นส่วนที่เสี่ยงต่อการที่จะเกิดความเสื่อมทรุด
๓. ชั้นจิตตานุปัสสนา แยกเป็นสิบหก
จิตมีราคะ จิตไม่มีราคะ จิตมีโทสะ จิตไม่มีโทสะ
จิตมีโมหะ จิตไม่มีโมหะ จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่
จิตได้อารมณ์ จิตไม่ได้อารมณ์
จิตที่มีจิตอื่นแทรก จิตที่ไม่มีสิ่งอื่นแทรก
จิตที่มั่นคง จิตที่ไม่มั่นคง
จิตพ้นจากปัญหา จิตไม่พ้นจากปัญหา
เฉพาะจิตมีถึงสิบหกระบบ
เหมือนการปล่อยกระแสน้ำให้มั่นคงไปตามท่อ
๔. ชั้นธัมมานุปัสสนา
เหมือนกระแสน้ำต้องไปทำหน้าที่ต่างๆ
เป็นแสงสว่างหรือระบบอิเล็กทรอนิก
แยกเป็นนิวรณ์ห้า อุปาทานขันธ์ทั้งห้า
อายตนะหก โพชฌงค์เจ็ด อริยมรรคแปด
ทั้งหมดนี้เรียกว่าใช้สติปัฏฐาน
จัดระบบทางกายและทางจิต

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

รู้ปริยัติควบคู่ไปกับปรมัตถ์

คำสอนของพระพุทธเจ้าล้วนมีหลักการ
จะมั่วไม่ได้ บางคนไม่ชอบปริยัติ
อาจถูกชักจูงไปทางผิดได้
เพราะไม่มีหลักการรองรับยืนยัน
แต่ถ้ามีทั้งหลักการและสภาวะรองรับ
เป็นระบบทางวิทยาศาสตร์ของนามธรรม
ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้
และนำมาเผยแพร่เกือบสามพันปี
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนลบล้างได้เลย
มีแต่จะไปขยายส่วนให้มากขึ้น
เป็นทฤษฎีที่เป็นอมตะถาวร เรียกว่าอมตะธรรม
เราจึงต้องรับรู้ทั้งสองส่วนคือ
หลักทฤษฎีวิชาการเรียกว่าปริยัติ
และหลักปรมัตถ์คือหลักที่จะต้องลงมือทำ
ให้สัมผัสความเป็นจริงด้วยตนเอง
ไม่ใช่เพียงหลักการหรือทฤษฎี
แต่ต้องเป็นจริงด้วย

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

ญาณปัญญาหรือกิเลสตัณหา

ความคิดเป็นผล
ผลจะออกมาเป็นดี เสีย
ถูก ผิด สุข ทุกข์ บุญ บาป ขึ้นอยู่กับเหตุ
ความคิดเป็นพลังงาน
เป็น production ที่ผลิตออกมา
product อันนี้จะใช้ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเหตุของมันว่า
ถ้าออกมาเป็นในส่วนที่สบาย ก็จะเป็น product อันหนึ่ง
ออกมาเป็นส่วนที่ไม่สบาย ก็เป็นอีก product หนึ่ง
เป็นผลผลิตของเหตุ
ดังได้กล่าวแล้วว่าความคิดต่างๆ
ออกมาจากความหลงและความรู้
ความคิดใดที่ออกมาจากความหลงก็มีต้นเหตุแบบหนึ่ง
ความคิดใดที่ออกมาจากความรู้ก็มีต้นเหตุมาอีกทางหนึ่ง
มี source ที่มาไม่เหมือนกัน
เราวิเคราะห์ดูว่าความคิดที่ออกมาจากความรู้
และความคิดที่ออกมาจากความหลง
มีผลต่างกันอย่างไร
ความคิดที่ออกมาจากความรู้
เรียกว่า ญาณปัญญา
ความคิดที่ออกมาจากความหลง
เรียกว่ากิเลสและตัณหา
เราได้รับประสบการณ์มาตลอดชีวิตว่า
ความคิดที่ออกมาจากความหลงหรือความไม่รู้
มันเป็น product ที่เป็นพิษภัยต่อชีวิตอย่างมากมาย
ทำให้ชีวิตของเราตกต่ำเศร้าหมอง เจ็บป่วย
ขาดทุน เสื่อมเสีย อันเป็นผลมาจากที่มาที่ไม่ดี
แต่ความคิดใดที่ออกมาจากแหล่งของความรู้
เราได้รับผลพวงจากมันคือความสุข ความสบาย
ความผ่อนคลาย ความมีเกียรติยศชื่อเสียง
มีความมั่นคงทางด้านทรัพย์สิน
เป็นที่เคารพนับถือของสังคม
เราก็มาสืบดูต้นตอของมัน

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

เวทนาปริคคหสูตร

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

เวทนาทั้งสาม

ความถูกใจคือสุขเวทนา
ความไม่ถูกใจคือทุกขเวทนา
ความไม่แน่ใจเป็นอทุกขมสุขเวทนา
เมื่อมีความรู้สึกสบาย ก็ให้รู้ชัดๆ
ว่านี่คือความรู้สึกสบาย ไม่ใช่เรา
มันคือความรู้สึกชนิดหนึ่ง
เมื่อความรู้สึกไม่สบายเกิดขึ้น ให้รู้ชัดๆ
ว่านี่คือความรู้สึกไม่สบาย ไม่ใช่เรา
มันคือความรู้สึกชนิดหนึ่ง
เป็นปฏิกิริยาของการเกิดดับ
ความรู้สึกสบายเป็นเหตุใกล้ของการดับ
ความรู้สึกไม่สบายเป็นเหตุใกล้ของการเกิด
เมื่อการเกิดดับทำงานอยู่โดยธรรมชาติ
ก็ต้องมีความรู้สึกสองประเภทนี้ขึ้น
และมีความรู้สึกบางอย่างที่เราตามรู้มันไม่ทัน
เรียกว่าอทุกขมสุขเวทนา
เป็นเวทนาที่ไม่แน่ชัดว่ามันเป็นอะไร
เวทนามีอยู่ ๙ อย่าง
สุขธรรมดา สุขที่มีเหยื่อ สุขที่ไม่มีเหยื่อ
ทุกข์ธรรมดา ทุกข์ที่มีเหยื่อ ทุกข์ที่ไม่มีเหยื่อ
ความไม่แน่ใจธรรมดา ความไม่แน่ใจที่มีเหยื่อ
ความไม่แน่ใจที่ไม่มีเหยื่อ

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

นั่งสมาธินานไปทำให้จิตอ่อน

คนที่นั่งสมาธิสะกดจิต
จะไปกดการทำงานของกระแสเกิดดับ
จะทำให้จิตอ่อนไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้
เมื่อจิตอ่อนปัญญาก็อ่อน
คนที่ทำสมถะมานานจิตจะอ่อน
ไม่สามารถบรรลุอริยธรรมได้
เพราะจิตอ่อน ไม่สามารถตั้งรับ สู้อารมณ์ได้
มีแต่หลงอารมณ์และหลับ ต้องเลิกทำ
แต่ส่วนใหญ่ทำมาจนติด
ไม่เกิดปัญญาที่จะเชื่อครูบาอาจารย์ได้

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

มานะมาจากเวทนา

คนส่วนใหญ่กลัวบาปกรรม กลัวตกนรก
แต่ไม่รู้ว่าบาปกรรมจริงๆ คืออะไร
รู้แต่บาปกรรมที่เขาจินตนาการเอาไว้
แต่นรกที่เป็นความไม่สบายกาย ไม่สบายใจไม่รู้จัก
อยากจะเน้นเรื่องเวทนาเรื่องเดียวให้ชัดเจน
เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่มาก เวทนาสัมโมสรณา
เวทนาเป็นที่รวมลงของธรรมทั้งหลาย
รู้เรื่องเวทนาเรื่องเดียวจะรู้ธรรมทั้งหมด
พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ใน เวทนาปริคคหสูตร
เวทนาพัฒนาเป็นมานะทั้งเก้า
กลายเป็นกิเลสตัวใหญ่
มานะทั้งเก้ามาจากเวทนา
สุขเวทนาทำให้เราสำคัญตัวว่าเราดีกว่าเขา
ทุกขเวทนาสำคัญว่าแย่กว่าเขา
อทุกขมสุขเวทนาสำคัญว่าเสมอเขา
เราก็มีกิเลสอยู่สามตัวนี้ ไปไหนก็คอยเปรียบเทียบ
ถ้าเราอยู่ในฐานะที่ด้อยกว่า ก็ยอมรับว่าเราแย่มาก
ดูถูกตัวเอง เป็นกิเลส
ไปเจอคนที่เก่งเสมอเรา เราก็รู้สึกพอๆ กัน
ไปเจอคนด้อยกว่าก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามเขา
ไปเจอคนที่เก่งกว่าเราก็ดูถูกตัวเอง
ลักษณะนี้เป็นมานะทั้งเก้า
มาจากเวทนาทั้งเก้านั่นเอง

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

เวทนาคือรูปนาม

เวทนาในภาคปฏิบัติคือรูปกับนาม
เพราะมีความรู้สึกสองประการ
ความรู้สึกทางกายคือ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง
เคร่ง ตึง เจ็บ ปวด หนัก เบา
ความรู้สึกทางทางจิต
คือความพอใจไม่พอใจ ไม่แน่ใจสงสัย
ความรู้สึกตัวในส่วนที่เป็นรูป
คือเย็น ร้อน อ่อน แข็ง เคร่ง ตึง
เราก็มาดูอาการของจิต
ว่ามีความพอใจไม่พอใจ เฉยๆ ว่างๆ สบายๆ
ถ้าดูทางกายเรียกว่าเห็นรูป
ถ้าดูทางจิตเรียกว่าเห็นนาม
ดูทางกายและจิตพร้อมๆ กัน
สำรวจไปสำรวจมา
ถ้าใจของเราไม่มีความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ
รู้สึกเฉยๆ ไม่ต้องไปรับรู้อะไรมาก
ก็มาดูความรู้สึกทางกายที่มีอยู่ตลอดเวลา
จะหนักเบามากน้อยเท่านั้นเอง
ไม่ใช่ว่าเราจะไปดูแต่เวทนาที่หนัก แข็ง
เวทนากลาง เวทนาละเอียด ไม่ยอมดู อันนี้ไม่ใช่
รูปนามก็ยังไม่ครบ
เมื่อไม่มีเวทนาที่แข็ง หนัก ให้เราดู
เราก็ไปดูเวทนากลาง
เมื่อไม่มีเวทนากลางให้เราดู
เราก็ไปดูเวทนาที่ละเอียด
เวทนาที่ละเอียดก็ดูยาก
ต้องคนมีปัญญาจึงจะเห็น
คนที่มีปัญญาน้อยหน่อย ก็ดูแต่เวทนาหยาบๆ
คนมีปัญญาปานกลาง ก็ดูเวทนาปานกลาง
ตามระดับสติปัญญา
คนไหนดูทะลุได้ถึงสามระดับ
เรียกว่าสติปัญญาดีมาก ก็จะรู้ได้ไว

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

รู้รูปนามคือรู้เวทนาทั้งสาม

แม้แต่เรานอนก็มีเวทนา
หลังจากที่ออกกำลังกายแล้ว
ท่าสุดท้ายที่เรานอน เป็นสุขเวทนา
เป็นเวทนาละเอียด
ทุกขเวทนาที่เราทนได้ เป็นเวทนาที่เป็นกลาง
ทุกขเวทนาที่ทนไม่ได้เป็นเวทนาที่หยาบ
เวทนามีสามอย่าง
๑. เวทนาหยาบ เป็นเวทนาที่ทนไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแล้ว
๒. เวทนากลาง เป็นเวทนาที่เราพอจะนิ่งๆ ทนได้อยู่
๓. เวทนาละเอียด เป็นเวทนาที่ผ่อนคลาย ปล่อยตัวเต็มที่ให้สบาย
เวทนาทั้งสามมาจากสุข ทุกข์ และอทุกขมสุขเวทนานั่นเอง
แต่เรามาแยกเป็นภาษาของเราว่า หยาบ กลาง ละเอียด
เราตามดูรูปนามคือตามดูเวทนาทั้งสามนี้
ให้ชัดเจนตลอดเวลา

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

ดูเวทนาไม่เป็นจึงติดอารมณ์

อาตมาจึงมั่นใจได้ว่าหลักการหลวงพ่อเทียนนั้นไว
เพราะเน้นให้ดูความรู้สึกตัว ก็คือตัวเวทนา
ถ้ารู้สึกตัวเฉยๆ แต่ไม่ละเอียดแยบคายเรื่องเวทนา
ความรู้สึกตัวก็ได้แค่ชั้นเดียวคือชั้นหยาบ
ชั้นกลาง และละเอียดดูไม่ได้
ภายในเจ็ดวันเราสามารถดูเวทนาเป็น
คนที่ดูเวทนาไม่เป็นจะติดอารมณ์
เช่น ไม่พอใจที่หลวงพ่อพูด
มาทำกรรมฐานกลับได้บาปไป
พระสารีบุตรเมื่อบรรลุธรรมแล้ว
ยังต้องทำความเพียรต่อไปอีก
พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว
แต่ท่านก็ยังเดินจงกรมอยู่ทุกวัน
เพื่อเป็นการทบทวนธรรมะให้แจ่มใส แจ่มชัดอยู่เสมอ
เพราะร่างกายสังขาร มีความแปรปรวนตลอดเวลา
บางครั้งมันยังบดบังความแจ่มใสแจ่มชัดของจิตได้
รู้ทั้งรู้ แต่จิตก็ยังถูกบดบัง ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นเวทนา
เพราะเวทนาไม่ใช่กิเลส
แต่เวทนาคือความรู้สึก
การเคลียร์ความรู้สึกให้แจ่มชัดอยู่เสมอ
เป็นเหตุให้สติปัญญาแจ่มใส
พอสติปัญญาแจ่มใสก็มองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง
เข้าใจอะไรได้ง่าย

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

เวทนาเบาบางเหมือนน้ำใส

แต่คนไหนที่มีเวทนากล้าแข็งอยู่
เพราะสุขภาพไม่ดี มันจะไปบดบังจิต
การรู้เห็นธรรมตามความเป็นจริงก็พร่ามัว
เหมือนเราดูน้ำที่ไม่ใส ไม่เห็นปลาเพราะน้ำขุ่น
แต่ถ้าน้ำใสจะเห็นทุกอย่าง เหมือนจิตที่ใสสะอาด
จะเห็นอะไรที่ลึกลงไป ย้อนเห็นอดีตอนาคต
การบำบัดเวทนาให้เบาบางจึงเป็นสิ่งสำคัญ
แต่กรรมฐานบางสำนักเน้นเวทนาที่หนัก
ให้มันตายไปข้างหนึ่งเลย
เพราะมันเป็นอนัตตาไม่มีตัวตน
เป็นการฆ่าตัวเอง ไปติดแค่สมถะ
เป็นตบะไป ไม่ใช่วิปัสสนา
วิปัสสนาใช้อาตาปี

พระพุทธยานันทภิกขุหลวงพ่อมหาดิเรกพุทธยานันโทDirekSaksithDevaNandaดิเรกศักดิ์สิทธิ์นวัตกรรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียนจิตตสุโภBuddhismVipassanaวิปัสสนาศาสนาพุทธพุทธศาสนา Dynamic Meditationนวัตกรรมแห่งสติmindfulnessclubชมรมคนรักสติพลิกใจให้ตื่นรู้เซนสยามนาโนแห่งมหาสติวัดพระธาตุแสงเทียนแพร่

โพธิราชกุมารสูตร

หลวงพ่อเทียนบอกว่าการเบียดเบียนตัวเอง
ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
ถือเป็นการทำร้ายตัวเอง เป็นบาป
กรรมฐานที่เป็นวิปัสสนา
ในโพธิราชกุมารสูตร มีอยู่ ๕ ข้อ
๑. มีศรัทธาในเรื่องที่จะดับทุกข์
๒. มีความเพียรที่เหมาะสม
๓. มีเวทนาเบาบาง
๔. ให้เป็นคนตรงไปตรงมา
๕. ให้มีสัมปชัญญะปกติ มีความพร้อมที่จะรู้จักการเกิดดับได้
ถ้าทำตามคุณสมบัติห้าประการนี้
บางทีปฏิบัติเช้ารู้เย็น ปฏิบัติเย็นรู้เช้า
โพธิราชกุมารเป็นพระโอรสของพระเจ้าปเทนทิโกศล
นำกองทัพกลับจากไปรบที่ชายแดน
ผ่านมาพบพระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมที่วัดเชตะวัน
เมื่อได้ฟังแล้วจึงได้ถามพระพุทธเจ้าว่า
สิ่งที่ท่านตรัสสอนนี้ดีมาก
แต่ผู้ที่ต้องไปรบหรือทำการงาน บริหารบ้านเมือง
จะเข้าถึงธรรมะนี้ได้หรือไม่
พระพุทธเจ้าตอบว่าได้
และจึงตรัสสอนเรื่องโพธิราชกุมารสูตรนี้
๑. ต้องมีศรัทธาที่จะทำ
๒. ไปไหนก็ทำไปเรื่อยๆ
๓. อย่าไปบังคับเวทนา ไม่เบียดเบียนตัวเอง
๔. มีจิตใจตรงไปตรงมา รู้อะไรตรงๆ อย่าไปคิดเอา
รู้สึกตรงไปตรงมา ถ้าคิดเอาใจมันคด
๕. มีสติสัมปชัญญะปกติไม่บกพร่อง
Direk Saksith
www.buddhayanando.com
f: พระพุทธยานันทภิกขุ goo.gl/Nyk2ap,
หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท goo.gl/QDxgyj,
พลิกใจให้ตื่นรู้ goo.gl/rPzyfo, เซนสยาม goo.gl/heEHDK,
Dynamic Meditation goo.gl/caEgh9, goo.gl/zZTixP