จิตเดิมแท้สะอาด บริสุทธิ์

อริยบุคคล แปลว่าผู้ไปไกลจากข้าศึก

 

จิตเดิมแท้เราสะอาด บริสุทธิ์
ต่อมาเจอกิเลส
ซึ่งเป็นอาคันตุกะเข้าไป
ทำให้จิตเราเศร้าหมอง
 
พอเราพัฒนา สร้างสติ เจริญปัญญา
เข้าไปรักษาจิต
ทำความรู้สึกตัวทั่วพร้อมให้เข้มแข็ง
ไปปกป้อง คุ้มครอง
ไม่ให้ถูกกิเลสเข้าไปเกาะจิตเราได้อีก
จิตก็จะถูกชำระ ขัดเกลา
ให้สะอาด ผุดผ่องขึ้นได้
 
ถึงแม้เราจะเป็นคนมั่งมี หรือยาจก
เราก็สามารถมีความสุขได้เหมือนกัน
หากเราเห็น เราเข้าใจจิตเดิมแท้นี้
เรียกว่า เราจะเห็นโลก
การเกิดความเบื่อหน่ายโลก
จะค่อยๆ ห่างออกมา
 
ชอบอยู่คนเดียว อยู่สันโดษ
อิสระ มีความมั่นใจ
ต่างจากคนไม่มีที่พึ่ง
ก็ต้องแสวงหาสิ่งอื่นมาเป็นที่ยึดที่พึ่ง
หาคน หาสุนัข หาความร่ำรวย
หาความสะดวกสบาย ไปเรื่อย
 
สิ่งเหล่านี้ต้องค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ
จนถึงที่สุด เรียกว่า อริยบุคคล
แปลว่า ผู้ไปไกลจากข้าศึก
 
ข้าศึก คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ผู้ที่ไม่รู้ก็วิ่งแสวงหาสิ่งเหล่านี้
ทั้งความโลภ ความรัก ความหลง
 
เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ
ก็เกิดสิ่งตรงข้าม
คือทำให้เกิดทุกข์นั่นเอง

รดน้ำจิตใจให้งอกงาม

การไปเข้ารีทรีทนั้น
เหมือนได้มีโอกาสรดน้ำต้นไม้อีก
รู้สึกสดชื่นไปอีกหลายวัน
 
พอนานวันเข้า
เราประมาทว่า งานเยอะอีก
แต่ความจริงงานไม่ได้เยอะ
 
งานจะเยอะเท่าไร
การเคลื่อนไหวก็มีเท่าเดิมใช่ไหม?
คือการเคลื่อนไหว
ของรูปกับนามเท่านั้น
แต่ใจส่งออกเยอะเกินไปต่างหาก
 
เมื่อใจวิ่งออกจากกายเมื่อไร
ก็เสมือนน้ำระเหยเหือดแห้ง
ออกจากแปลงผักเมื่อนั้น
แล้วเราก็เหี่ยวเฉา
ต้องวิ่งหาคนช่วยรดน้ำอีก
เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
 
แล้วเราทำไมไม่ขยันรดน้ำทุกวันละ?
รดทุกเช้า-เย็น แต่จะให้ดี
ต้องติดระบบออโต้สปริงไปเลย
คือตามดูรู้ตัวตลอดเวลานั้นเอง

ตายภายใน ๗ วัน

สำหรับความหมาย ตายภายในเจ็ดวัน ของหลวงพ่อเทียน ท่านหมายถึง ตายแบบสมมติ คือทุกคนต้องตายภาย 7 วันหมด ต้องวันใดวันหนึ่งตั้ง แต่ จันทร์ถึงวันอาทิตย์

แต่ตายแบบปรมัตถ์ เราต้องตาย เกิดทุกเวลานาทีอยู่แล้ว การเกิดตายตามหลักพุทธธรรม คือการเกิด-ดับของรูปและนาม มันเกิดดับตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เรียกว่า “ขณิกมรณะ” ส่วนตายทั้งรูปและนาม เป็นภาษาสมมติ ทางพุทธธรรมถือว่า เป็นการทำหน้าที่ของกฏไตรลักษณ์เท่านั้น มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตลอดเวลา


ทางพุทธธรรมจะเน้นให้รู้และเข้าใจ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของจิตตสังขารมากกว่า เพราะกายสังขาร มันต้องเป็นไปตามกฏของมันอยู่แล้ว
แต่จิตตสังขาร เราสามารถใช้กฏของไตรสิกขา คือสติ สมาธิ ปัญญา จัดการมัน ไม่ให้เกิดขึ้นก็ได้ เมื่อไม่มีการเกิด การดับก็ไม่มี เรียกกิเลสนิพพาน ไม่เกี่ยวกับว่า ตายภายในกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เพราะนั้นคือสมมติ ภาษาคน ต้องว่าไว้อย่างนั้น

 

พระพุทธยานันทภิกขุ