เราทุกคนคือนักโทษประหาร

พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

ทางรอดของนักโทษประหาร

โจรคนหนึ่งถูกสั่งประหารชีวิต
ด้วยข้อหาที่ร้ายแรงมาก
แต่มีข้อแม้อยู่ว่า
 
ถ้าโจรผู้นั้น
สามารถประคองขันน้ำมัน
ซึ่งมีน้ำมันอยู่เต็มเปี่ยม
เดินรอบพระนคร
โดยที่น้ำมันไม่หกเลย
จะได้รับการอภัยโทษ
ให้มีชีวิตรอด
 
ถ้าท่านเป็นโจรคนนั้น
ท่านจะต้องระมัดระวัง
ในการประคองขันน้ำมัน
ไม่ให้หกฉันใด
 
ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาจำเป็นต้อง
ประคองสติไม่ให้หกฉันนั้น
 
รู้สึกโหดร้ายมากใช่ไหม
แต่พยายามทำไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวก็ง่ายเอง

พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

คุกคือความคิด

เรื่องการงานต่างๆ
ทำเพื่อเลี้ยงอัตภาพ
เป็นเครื่องมือให้ดำรงอยู่
ไม่ต้องเสียเวลากับมันมากมาย
 
แต่เวลาที่เราจะต้อง
มาทำให้จิตวิญญาณ
เป็นอิสระจากสิ่งนี้
มันต้องทำให้มาก
 
เพราะเราเป็นนักโทษ
ของวัฏฏสงสาร
มาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติแล้ว
 
เราก็น่าจะรู้จักเข็ดหลาบขาบจำบ้าง
ให้อยู่ในคุกอย่างนี้ตลอดก็ไม่ไหว
เอาตัวออกมาจากคุกเสียบ้าง
 
คุกคือความคิด
ที่เกิดจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน
เป็นคุกขังใจเรา ออกไปไม่ได้
 
ในที่สุดเราก็มาสร้างคุก สร้างบ้าน
สร้างลูก สร้างภรรยา สร้างครอบครัว
สร้างวงศ์สกุล สร้างภาระหน้าที่มากมาย
เป็นคุกหลายชั้นๆ เข้าไป
จนยากที่จะพังมันออกมา
 
คนไหนที่สามารถออกจากคุก
มาทีละชั้นได้
ก็เป็นอิสระมากขึ้น
พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

คุกคือความติดใจในรสชาติ

เหมือนนกมันกินผลไม้ได้ทุกต้น
เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง
มันบินไปเรื่อยๆ
ต้นไหนอร่อยมันก็กิน
ต้นไหนไม่อร่อย มันก็เลือกได้

แต่นกบางตัว กินผลไม้บางต้นอร่อย
เช่น กินมะม่วงอร่อย ก็ถือไว้สองสามลูก
บินไม่ไหวแล้ว ต้องเอามะม่วงไปด้วย
ผลไม้ต้นนี้อร่อย ฉันไม่หนีไปไหน
เดี๋ยวนายพรานก็มายิง
เพราะไปติดต้นนั้น

เหมือนกัน ถ้าเราชอบอารมณ์ใด
เราก็ติดอยู่กับอารมณ์นั้น
เดี๋ยวมารก็เอาไปกิน

เราควรเป็นอิสระเหมือนนก
มีแค่ปีก อันหนึ่งเป็นรูป อันนึ่งเป็นนาม
บินไปได้ทุกหนทุกแห่ง

แต่ถ้ามีภาระหลายๆ อย่าง บินไม่ขึ้น
เพราะติดแร้ว ติดบ่วง
ที่นายพรานวางกับดักเอาไว้

พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

คุกคือราคะ โทสะ โมหะ

โบราณบอกว่า
บ่วงผูกคอ ปอผูกศอก ปลอกผูกเท้า

บ่วงผูกคอ คือ ลูก
เชือกปอผูกศอก คือ ภรรยาสามี
ปลอกใส่เท้า คือ ทรัพย์สมบัติ
หามาตลอดชีวิต ทิ้งไม่ได้

เวลาคนตายเขาถึงมัดตราสัง ๓ ที่
ไม่ให้หลุดไปจากวัฏฏสงสาร

บ่วงผูกคอ ปอผูกศอก ปลอกผูกเท้า
คือ ราคะ โทสะ โมหะ

ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่มีลูก ภรรยา ทรัพย์สมบัติ
จะปราศจากห่วง
เพราะห่วงที่แท้จริงคือ
ราคะ โทสะ โมหะ

พอตัดบ่วงอันนี้ได้
การมีลูก ภรรยา สามี
ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร

แต่ถ้าเราตัดบ่วงข้างในไม่ได้
ลูก ภรรยา สามี ทรัพย์สมบัติ
ก็เป็นตัวมัดให้แน่นเข้าไปอีก

ถ้าเราบรรเทาราคะ โทสะ โมหะ ให้น้อยลง
การมีทรัพย์สิน สมบัติ ลูก ภรรยา สามี
ก็เป็นเพื่อน เป็นเครื่องประดับ เป็นเครื่องมือ
ในการแสวงหาอิสรภาพ

พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

กัลยาณมิตรผู้รู้จริง จะพาเราออกจากคุกได้

วัฏสงสารยืนยาวนาน
สำหรับผู้ไม่รู้ธรรม
สรรพชีวิตไม่ว่าชาติศาสนาใดก็ตาม
จะเป็นพุทธหรือไม่ก็ตาม
ก็เป็นไปตามกฎของสังสารวัฏ
 
ผู้ที่ได้เกิดในซีกโลกของวัตถุนิยม
ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิด
ในโลกของวัตถุนิยม
 
ผู้ที่เกิดในโลกของจิตตนิยม
ก็จะเวียนว่ายในโลกของจิตตนิยม
แบบไม่รู้สิ้นสุดอีกเหมือนกัน
 
จนกว่าจะได้พบกับคำสั่งสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธะ
 
ได้พบกับกัลยาณมิตร
ผู้รู้แจ้งเห็นจริง
นำทางเราไปทางถูก
เปิดดวงตาสัมมาทิฐิให้เราได้
 
และเราเองก็มีศรัทธาและปัญญา
พร้อมที่จะเข้าใจคำสอนของท่านได้
นั้นแหละ
 
เราถึงจะพบกับธรรมนิยม
หรือทางสายกลาง
คือไม่สุดโต่งไปทางวัตถุและทางจิต
 
เราถึงจะมีโอกาสได้พบต้นทาง
ของอริยมรรค
อันเป็นทางเดินไปสู่พระนิพพาน
อันเป็นทางสายสิ้นสุดของวัฏสงสาร

ออกจากคุก คือหลุดจากอุปาทาน

ผู้เดินถึงจุดหมายเปลายทางแล้ว
วิมุติหลุดพ้นโดยประการทั้งปวง
หมดโศก หมดเครื่องพัวพันแล้ว
ความร้อนใจก็หมดไป

For him who has completed his journey,
For him who is wholly free from all,
For him who has destroyed all bonds,
The fever of passion exists not.

คตทฺธิโน วิโสกสฺส
วิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพธิ
สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส
ปริฬาโห น วิชฺชติ . .

อธิบายความนิยามแบบเคลื่อนไหว
จุดหมายปลายทางในพุทธภาษิตนี้ หมายถึงความหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งอุปาทานทั้งปวง
เพราะความยึดมั่นหรืออุปาทาน เสมือนบ่วงร้อยรัดมัดหัวใจสรรพสัตว์ ให้เสพติดอยู่กับรสชาดและเพลิดเพลินในรสของรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ที่น่าพึงพอใจ
เมื่อไม่เสพ ก็ไม่ติด ไม่ยึด ไม่ถือ จึงไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ความโศกเศร้าเสียดายก็หมดไป เพราะหมดอุปาทานนั้นเอง

พระพุทธยานันทภิกขุ

……………………………………………

พระพุทธยานันทภิกขุ หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท Direk Saksith Deva Nanda การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ

บริจาคลูกและภรรยา เพื่อบรรลุธรรม

เคยเรียนถามท่านเรื่องพระเวสสันดร ซึ่งเป็นตัวอย่างทานบารมี
การให้ทานเช่นนี้ทำให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าจริงหรือ ท่านตอบว่า

“เรื่องพระเวสสันดรเป็นเรื่องเล่าต่อกันมา
ถ้าเราคิดว่าจริง
เราควรบริจาคทาน ภรรยาและลูกของเราเอง
ให้แก่กรรมกรหรือชาวนา ไปช่วยงานเขา
แล้วเราก็จะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ถ้าจะเปรียบใหม่ว่า
สิ่งที่ติดตัวเรา ผูกพันเหมือนบุตร ภรรยา
ก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ให้เราบริจาคทานสิ่งนี้ไปเสีย
จะพอเข้าใจไหม”

นายแพทย์วัฒนา สุพรหมจักร เล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อเทียน