ธรรมสารจาก หลวงพ่อมหาดิเรก พุทธยานันโท

 

ศัตรูคือความพอใจและความไม่พอใจ

วันนี้ ก่อนที่คณะแกนนำพระธรรมทูตของชมรมคนเพียร จะได้ย้ายจากฐานทัพสตราดบวกแห่งฝรั่งเศส เคลื่อนทัพไปสู่ประเทศลักซ์เซมเบอร์ก และเมืองบรัซเซลล์แห่งเบลเยี่ยม พักกองทัพธรรมที่นั่นคืนหนึ่ง และเดินทางต่อไปยังอัมสเตอรดัมแห่งเนเธอร์แลนด์ พักรบที่นั่นสองคืน แล้วเดินทัพต่อไปยังเยอรมัน เพื่อยกทัพกลับมารบต่อที่อเมริกา อีกหนึ่งอาทิตย์ก่อนกลับไทยแลนด์ แม้เราจะเดินทัพกันแบบต่อเนื่องทั้งวันและคืนพวกราก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากัน เพราะเราเป็นกองทัพแห่งสันติภาพและสันติสุข เราเดินทัพเพื่อเผยแพร่ความสุข ความงามและความดี เราทำการสู้รบกับศัตรูภายในเท่านั้น เราไม่มีศัตรูภายนอกแม้แต่คนเดียว ภายนอกเรามีแต่มิตรภาพและความรักอันไร้ขอบเขต ดังนั้น อยากให้เพื่อนๆนักรบแห่งชมรมคนเพียร จงรบกับกิเลสของตัวเอง เราก็สู้มันแค่สองตัวเท่านั้นเอง คือเรารบกับความพอใจและความไม่พอใจเท่านั้น

ส่วนมากเรารู้จักศัตรูเพียงด้านหน้า ด้านหลังเราไม่รู้จักเขาเลย เขาเลยแทงหลังเราบ่อยๆไงละ ด้านหน้าของศัตรูคือความพอใจ เราชอบกอดรัดเขามากๆเลย แต่ศัตรูด้านหลังของเราคือความไม่พอใจไงละ วันหนึ่งๆ เราถูกเขาแทงด้านหลังหลายครั้งใช่ไหม? เราเจ็บหลายครั้งแล้วก็ตายหลายหนด้วย แต่เราไม่เคยหันไปดูหน้าศัตรูคนนี้เลยใช่ไหม แล้วเราจะปล่อยให้มันแทงเราตายอีกกี่ภพกี่ชาติกันหนอพี่น้อง ดังนั้น มาเที่ยวนี้ขอฝากมีดของศัตรูที่เขาใช้แทงหลังเราทุกวี่ทุกวันมาให้ดูว่า มันงดงามแค่ไหน จนเรายืมมันมาเล่นจนไม่่อยากวาง เผลอๆ เราก็จับมันมาแทงหลังตัวเองเล่นเฉยเลย มีดเล่มนั้น คุณกำมันอยู่ รู้ไหมคุณกำอะไรไว้ในมือ ลองอ่านกันเดี๋ยวนี้เลยคุณ

“กำ(ลังทำ)” อะไรอยู่?

มีครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่่ง ครอบครัวนี้มี พ่อ แม่ และบุตรชายวัย ๕ ขวบ กำลังน่ารักเลยทีเดียว เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซนอย่างร้ายกาจ และขี้สงสัยอย่างมาก อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าหนูก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูก ไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง ซึ่่งนั่นก็หมายความว่า มันราคาแพงมากๆ นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก็ล้วงมือเข้าไปในแจกัน ทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่าน ดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่าง แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่า เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไร? เจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ “ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน” เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู เมื่อมาพบเข้าต่างก็พยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนู ออกจากแจกันด้วยวิธีต่าง ๆ น้ำมันก้อแล้ว น้ำสบู่ก้อแล้ว ทำอีท่าไหนก็ไม่ออกจนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้ง เพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้? เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้ว พ่อและแม่ ก็พบว่า มือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า “หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?” เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง “ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ” “แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?” ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย “มันเป็นสตางค์ครับ” เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อย ๆ แบมือออกอย่างทะนุถนอม ปรากฏว่า ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญบาทอยู่หนึ่งเหรียญ เจ้าหนูหารู้ไม่ว่า การที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพัน ๆ เท่า แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ ? ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้

คุณกำลัง”กำ”อะไรไว้ในชีวิตบ้างเงิน? บ้าน? งาน? รถ? ทิฎฐิ? แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง เวลา ครอบครัว พ่อแม่ คนที่รักเรา สวรรค์ คุณ”กำ(ลังทำ)”อะไรอยู่?

 

การเคลื่อนไหวจากยุโรปสู่อเมริกา

พี่น้องชาวชมรมทุกท่าน พวกเราชาวคนเพียร ได้นำเอาสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ ผู้สมควรจะได้ มาให้พวกเขา ดังนั้น จึงอยากนำเอาบางสิ่งบางอย่างสิ่งที่ดีที่สุดของยุโรป ที่เราควรจะรับรู้และควรจะได้จากตะวันตก เพราะทุกที่และทุกแห่งต่างก็มีสิ่งดีที่สุดและไม่ดีที่สุดเป็นของตนเอง สำคัญว่า เราจะลือกรับเอาสิ่งนั้นๆได้หรือไม่เท่านั้น ดังนั้น จึงอยากนำภาพทั้งสองด้านของแต่ละประเทศ ในดินแดนยุโรปที่ทีมงานของเราไปศึกษามา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์บางแง่บางมุมที่เป็นประโยชน์ และเลือกสรรเอาตามกำลังสติปัญญาของผู้บันทึก รวมทั้งหมด 6 ประเทศ ส่วนผู้บันทึกจะสะท้อนมุมไหนได้บ้าง ก็เชิญศึกษากันดังต่อไปนี้

ประเทศเยอรมัน

ประเทศนี้เรามาเหยียบครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม มาสองครั้งแรกมาผ่านเป็นระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่ได้สังเกต และศึกษาอะไรได้ชัดเจนเท่ากับมาครั้งนี้ ซึ่งเที่ยวนี้ได้พักที่ประเทศนี้เป็นเวลาเดือนเศษๆ สิ่งที่น่าศึกษา ขอนำเสนอในส่วนที่เด่นๆและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน จึงขอแยกเป็นด้านๆ ดังต่อไปนี้

ประเทศเยอรมันนี ด้านของการพัฒนาทางวัตถุ ในฐานะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีหลายสิ่งที่เยอรมันไม่เหมือนประเทศอื่น เช่น การใช้ถนนสายด่วนที่บ้านเรา เรียกว่า? Moter way เขาไม่มีการตั้งด่านเก็บค่าทางด่วน และสามารถวิ่งได้แบบ Unlimit คือวิ่งแบบไม่จำกัดความเร็ว ยกเว้นบริเวณใกล้เมือง หรือมีการซ่อมทางบางสาย เขาก็จะบอกขีดจำกัดซึ่งประเทศอื่นไม่มี ถามว่ามีอุบัติเหตุบ้างหรือไม่ ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน พบเห็นอยู่ครั้งเดียว ตอนวันสุดท้ายที่พวกเราเดินทางกลับมาจากสำนักใหม่ ชื่อสำนักวิปัสสนาเจริญธรรมเยอรมันนี ที่เมือง Badpyrmon ห่างจาก Frankfurt ประมาณสี่ชั่วโมง โยมแขกแห่งวัดศรีมงคล ได้นำรถส่วนตัวมาส่ง ก่อนจะถึงวัดพุทธมงคลวราราม เมืองโกรสครอสเซนเบอร์ก ประมาณครึ่งชั่วโมง รถก็ติดหนึบเต็มถนนไฮเวย์แบบจอดสนิท ต่างคนต่างก็ไม่รู่ว่า อะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ตามนิสัยของคนตะวันตกที่ไม่ชอบการรอคอย แบบไม่ทราบเหตุผล ต่างคนก็ทะยอยลงรถลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีบางคนแปลจากที่เจ้าหน้าที่ประกาศบอกว่า เกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ใช่รถชนกัน แต่รถบรรทุกคันหนึ่งเกิดระเบิด ไม่ทราบว่าเป็นรถบรรทุกอะไร เพราะอยู่ไกลไปข้างหน้าพวกเรามาก กว่าจะออกมาจากที่นั้นได้ก็ประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ กว่าจะถึงวัดก็ค่ำ นั้นเป็นครั้งแรกที่ทราบว่าเกิดอุบัติ เลยถามโยมแขกว่า เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบนี้บ่อยไหม เขาบอกว่า นานๆที เพราะเขามีวินัยในการขับรถอย่างเคร่งครัด คนที่ไม่ได้ภาษาของเขา จะสอบใบขับขี่ไม่ได้ และที่สำคัญคือ ทุกคนต้องเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ถ้าใครทำผิดกฏจราจร ไม่มีตำรวจจราจรมาคอยตรวจจับ แต่จะมีกล้องถ่ายวงจรปิดติดไว้ทุกๆระยะ โดยเฉพาะในเขตจำกัดความเร็วและตามสามสี่แยกไฟแดง ใครผิดกฎจราจร กล้องจะถ่ายโดยอัตโนมัติ และถึงเวลาเขาก็ส่งบิลมาถึงบ้านให้ไปจ่ายค่าปรับที่กรมการขนส่ง มีใบเสร็จพร้อมหลักฐานว่า ผิดตรงไหนอย่างไร ถ้าคุณไม่พอใจก็ไปเสียตังฟ้องศาลเอาเอง ให้ไปเถียงกับศาลได้แต่ก็น้อยคนที่จะเสียเวลาไปสู้ศาล เพราะต้องเสียเงินอีกหลายต่อ และถ้าแพ้ก็อาจไม่ได้ใบขับขี่ไปตลอดชีวิต แล้วใครจะไปกล้าถ้าไม่แน่จริงนี่คือข้อดีของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางด้านการใช้รถใช้ถนน และการเดินทางโดยรถส่วนตัว ไม่มีการถามทางหรือหลงทางกันให้เสียเวลาเพราะ GPS (เครื่องบอกทางจราจรผ่านดาวเทียม) มันพาเราไปถึงหัวกระไดบ้านแบบไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ก่อนออกเดินทาง ใส่ที่อยู่และบ้านเลขที่ให้ถูกเท่านั้น เป็นอันถึงแน่ แต่มันมีการพลาดจนได้

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

มีตอนหนึ่ง เราจะเดินทางจากวัดศรีมงคลฝรั่งเศสไปวัดพุทธวิหารเมืองโลซาน เพื่อไปรักษาอาจารย์มหาสุทินให้ฝึกการทำดีท็อก ซึ่งเป็นคนป่วยด้วยโรคอัมพฤตอัมมพาตมาหลายปี เป้นเจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร เพื่อให้รู้จักวิธีขับผิดร้อนออกจากร่างกายด้วยตนเอง แต่คนขับของเราสะเพร่าไปหน่อย เพราะเขียนที่อยู่ผิด แต่ออกเสียงเหมือนกัน ก็เลยไปถึงคนละที่เดียวกัน เพราะสะกดชื่อเมืองโลซานเป็นลูซานเลยเป็นเรื่อง ชื่อที่ถูกต้องเป็น Luasane แต่คนขับสะเพร่าไปสะกดเป็น Luzern วันนั้น พอเราไปจอดรถหน้าร้านเซี่ยงไฮ้ เป็นร้านขายอาหาร เจ้าของร้างเป็นคนจีน แต่มีภรรยาเป็นคนไทย และลูกสาวพูดไทยได้ พอเห็นพระเข้าไปในร้าน เขาก็ดีใจมาก ก็เลยนิมนต์ฉันเพล เพราะได้เวลาพอดี ที่แรกกะว่าจะไปฉันเพลที่วัด แต่มันกลับเป็นคนละเมือง ซึ่งห่างกันประมาณสองชั่วโมง เราก็เลยตกกระไดพลอยโจน เขาบอกว่า เมื่อคืนเขาฝันว่า จะมีพระมาฉันข้าวที่ร้าน และเขากำลังรออย่างใจจดใจจ่อว่า ความฝันเขาจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะเขาก็ทำอาหารรอไว้เพียบ ทำเสมือนว่าเขาได้นิมนต์พระไว้เรียบร้อยแล้ว ดูเขาจะมีความสุขมาก ดังนั้น เราจึงเชื่อกันว่า เทวดานั้นมีจริงๆ เพราะเขาดลใจให้คนขับของเราสะกดชื่อเมืองผิดจนได้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ก็แล้วกัน