ปัญญาจากการเจริญสติ

ปัญญาจากการเจริญสติจะเกิดเมื่อเห็นแจ้งว่าเราจัดการกายและจิตไม่ได้เลย (เห็นอนัตตา) เราจะบังคับให้กายไม่ปวดเมื่อยก็ไม่ได้ เราจะห้ามไม่ให้จิตคิดก็ทำไม่ได้ ขณะที่เรารู้สึกตัว เราจะทำได้แค่ดูเฉย ๆ เห็นกายและจิตจะแสดงตัวตามธรรมชาติ ความรู้สึกตัวจะยกระยะห่างออกมาดู ดูแล้วจะเห็นมันเคลื่อนมา เคลื่อนไป จัดการอะไรไม่ได้

ความฟุ้งซ่านก็คือความฟุ้งซ่าน ไม่มีผิด ไม่มีถูกในอาการ ปวดเมื่อยก็ไม่ผิดไม่ถูก ปวดเมื่อยกับปวดขี้ก็อันเดียวกัน อาการบางอย่างให้บำบัด บางอย่างให้เฝ้าดู อาการทางกายและจิตเคลื่อนอยู่ พร้อมแสดงสภาพบังคับไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงตลอดให้เห็น ถ้าใครเห็นอย่างนี้ ถือว่าจิตเข้าใจตรงตามธรรมชาติ ถ้าเราพยายามแทรกแซงเอาเหตุเอาผลกับมันว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ เราจะเข้าใจผิดคิดว่าจิตจัดการได้ ที่จริงมันจัดการไม่ได้หรอก อาการตามธรรมชาติของกายและจิตเกิดขึ้นจากกระบวนการของเหตุปัจจัย มันจะดับก็ต่อเมื่อหมดเหตุปัจจัย เช่น เรานั่งนาน ๆ เราก็เมื่อย เพียงเราเปลี่ยนอิริยาบถ ความปวดเมื่อยก็ดับไป หรือ ถ้าเรามีความคิดฟุ้งซ่าน ก็แค่รู้แล้วทิ้ง กลับมารู้สึกกับกายความคิดก็ดับไปแล้ว เป็นต้น องค์ธรรมแห่งการเจริญสติคือมีสติและอุเบกขาตั้งแต่ต้นจนจบ การเจริญสติเป็นเรื่องของการสลัดออก รื้อถอนออก จิตเดิมแท้ของเราปกติไม่ได้มีเรื่องอะไร มันว่างอยู่ แม้เราทำให้จิตสงบไม่ได้ แต่เราทำให้มันว่างหรือเป็นปกติเหมือนเดิมได้โดยไม่ต้องทำอะไรมากแค่ถอยออกมาจากเรื่องที่คิดด้วยการรู้ทิ้ง รู้ทิ้งก็จบ