พจนานิยม คำนำหนังสือเล่มใหม่ ๒๕๖๐

พจนานิยม

การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว

ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีที่คนไทยรุ่นใหม่หันมาหาทางออกจากปัญหาชีวิต ด้วยการเจริญสติกันมากขึ้น แม้จะถูกบ้างผิดบ้าง ตรงทางบ้างไม่ตรงทางบ้าง ก็ยังดีกว่าหันไปหาสิ่งเดิมๆ คือไปหาหมอดู ไปสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา ไปหาพ่อมด หมอผีเป็นต้น เพราะการเจริญสติจะทำให้พบทางแก้ปัญหาที่เป็นพุทธวิถีมากขึ้น ส่วนใครที่โชคดีหน่อยก็ได้พบกัลยาณมิตรหรือครูบาอาจารย์ที่เป็น สัมมาทิฏฐิ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ที่พึ่งทางใจได้ถูกต้องและเร็วขึ้น
ประการสำคัญ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า เราจะมุ่งแก้ปัญหาของตนเองตามคำแนะนำของท่านอย่างจริงจัง ตั้งใจ ต่อเนื่อง และถูกต้องหรือไม่เท่านั้น
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เกิดจากการรวบรวมคำบรรยาย ของข้าพเจ้า ในงานอบรม “การเจริญสติ” ในสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มศิษย์ที่ ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติตามคำแนะนำการเจริญแบบเคลื่อนไหวใน Version ของข้าพเจ้าแล้ว หลายๆท่านช่วย กันถอดคัดลอกเสียงธรรมบรรยายของข้าพเจ้าออกมาแล้วเรียบเรียง ขัดเกลาสำนวน ส่งมาให้ข้าพเจ้าได้ปรับปรุงเนื้อหาให้น่าอ่านมากขึ้น และรวบรวมเป็นรูปเล่มตามที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้
สาระสำคัญที่ข้าพเจ้าได้นำมาเน้นย้ำในช่วงการเผยแพร่ในยุคหลังๆนี้ พอจะแยกเป็นประเด็นสำคัญๆได้ดังนี้
1. เน้นให้เห็นความแตกต่างระหว่าง สติแบบสัญชาตญาณ กับสติแบบปัญญาญาณ
2. เน้นให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจวิธีการเปลี่ยน แปลงกฎของไตรลักษณ์ ให้เป็นกฎของไตรสิกขาได้อย่างไร
3. เน้นการรักษาความสมดุลให้เกิดขึ้นทั้งรูปและนาม ด้วยวิธีการเจริญสติกับการ ออกกำลังกายทุกๆเช้า
4. เน้นการยกระดับกำลังของ สติให้เข้มแข็ง และต่อเนื่องมากขึ้น ด้วยการเข้าเก็บอารมณ์เข้มแก่คนที่เคย เจริญสติมานานพอสมควรแล้ว
5. เน้นการสังเกตและศึกษาการทำงานของกายและจิตในเชิงลึก เป็นธัมมวิจยะแบบรูปธรรม โดยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของรูปธรรม ไปเป็นนามรูป และจากนามรูปเป็นนามธรรมได้อย่างไร
6. เน้นการศึกษาและเฝ้าดูการเกิด-ดับทั้งรูปและนาม การที่จะบรรลุถึงความรู้สัจจะขั้นสูงสุดนั้น จำเป็นต้องผ่าน จุตูปะปาตญาณ คือการบรรลุถึงขั้นตอนการเกิดับทั้งขั้นสมมติและปรมัตถ์
7. เน้นการฝึกฝนให้เห็นการดับไปตามลำดับ
7.1 เบื้องต้นให้ตามดูการเกิดดับของรูปนาม โดยผ่านการเคลื่อนไหว ให้ตามรู้การหยุด และการเคลื่อนของจังหวะมือให้ชัดเจนเสมอ
7.2 ตามรู้การเกิดดับของเวทนาทางกาย ด้วยการตามดูอาการหนัก-เบาที่ปรากฏในขณะเคลื่อนไหวกาย เห็นความรู้สึกทางกาย

7.3 ตามรู้การเกิด-ดับของจิต โดยผ่านความคิด ที่กำลังขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปแต่ละครั้ง ให้ตามรู้เท่าทันความคิดทั้งดีและไม่ดี ให้ได้มากที่สุด แล้วสลัดทิ้งไป

7.4 ตามดูการเกิด-ดับของธัมมารมณ์ ที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะทั้ง 6 ตามดูให้ถี่ จนเห็นการเกิดดับขั้นสุดท้าย อันเป็นดับไปของอวิชชาอย่างสนิทและถาวร จนไปเห็นการดับอาสวะขั้นสุดท้ายคือ อวิชชาสวะ เป็นอันจบกิจการดับทุกข์โดยสิ้นเชิง.

หลังจากได้ทำการพิสูจน์ตามหลักการทั้ง 7 ประการนี้ ด้วยการทำการสาธิตและทำ workshop ในคอร์สอบรมในสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เป็นเวลาหนึ่งปี ผลปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ ได้รับความก้าวหน้าในการปฏิบัติอย่างรวดเร็วและชัดเจน

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรวบรวมคำบรรยายบางส่วนในคอร์สเหล่านั้น ออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ แต่เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเวลาทำต้นฉบับอย่างละเอียด เพราะมีภาระกิจหลายๆอย่างต้องทำในแต่ละวัน จึงทำออกมาได้เพียงแค่นี้ แต่จะพยายามนำเสนอเรื่องวิธีการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวนี้ ในสื่อออนไลน์ เช่นในเว็บไซต์ ในเฟสบุ๊ค ในไลน์ คลิปเสียง MP3 และยูทูป เป็นต้น
จึงขออนุโมทนาขอบคุณสมาชิกกลุ่มศิษย์พุทธยานันทภิกขุ ทั้งหลายที่ช่วยกันถอดคัดลอกเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ แล้วเรียบเรียงขัดเกลาสำนวนให้น่าอ่านมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มถอดคัดลอกเสียงธรรมบรรยายพุทธยานันทภิกขุ กลุ่มธรรมะสังคีต กลุ่มสื่อธรรมพุทธยานันทะ กลุ่มครูสติ ณ ครุสติสถาน กทม. ที่ได้ทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ทำงานเผยแพร่ธรรมะช่วยข้าพเจ้า หลายด้านหลายรูปแบบ เช่น
1. งานผลิตสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย
2. งานตกแต่งพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ หรือพิพิธภัณฑ์สติสถาน ณ วัดพระธาตุแสงเทียน
3. งานรวบรวมปัจจัยค่าพิมพ์หนังสือ ติดต่อโรงพิมพ์ งานอาร์ตเวิร์ค
4. งานอบรมเด็กและเยาวชน ในพื้นที่ อำเภอเด่นชัย ตลอดสามเดือน
5. งานอบรมเจริญสติประจำปี ให้แก่ชาวอำเภอแม่สอด และสาธุชนในพื้นที่ใกล้เคียง
6.งานจัดอบรมการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวในสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ
7.การให้ความอนุเคราะห์ให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ ในการเผยแพร่สื่อออนไลน์
จึงขออนุโมทนาสาธุ กับทุกท่าน ที่แม้ไม่ได้เอ่ยนามของท่านก็ตาม ขอให้ทุกท่านทุกกลุ่ม จงทำงานแบบเททองเป็นองค์พระทองคำ มิใช่เป็นงานเพียงปิดทองหน้าพระหรือหลังพระเท่านั้น แต่เป็นงานสร้างพระทั้งองค์คือพระสติ พระปัญญา ให้เกิดขึ้นภายในใจเราเองให้สำเร็จในชาตินี้ด้วยกันทุกคนทุกท่านเทอญ
พระพุทธยานันทภิกขุ
ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพุทธยานันทภิกขุ