คู่แท้แพ้วิปัสสนาญาณ

ธรรมชาติของคู่กัน ถ้าไม่มีธรรมะเป็นสิ่งประสานแล้ว ย่อมจะเบียดเบียน ทำร้ายกันซึ่งกันและกันไปอย่างไม่จบไม่สิ้น อย่าว่าแต่ไก่กับนก ผัวกับเมีย พ่อกับแม่ แม้ที่สุด กายกับใจยังทะลาะกันเลย เช่น การอยากกินของอร่อยเป็นเรื่องของจิต แต่การกินให้อิ่ม เป็นเรื่องกาย การกินยาเสพติดเป็นเรื่องของจิต แต่การกินยาบำบัดรักษาเพื่อกายอยู่รอด เป็นต้น

ดังนั้น การเจริญสัมมาสติ จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องแท้จริง เพื่อทำความเข้าใจว่า ธรรมชาติคู่ มันเป็นชีวิตจริงของเรา กายกับใจ หรือรูปกับนาม จะต้องดำเนินไปไปตามจังหวะของการเกิดและดับตลอดเวลา เราจะรู้ธรรมะหรือไม่รู้ธรรมะก็ตาม แต่ผู้รู้ความจริงเรื่องนี้ จะสามารถใช้ประโยชน์จากธรรมชาติของการเกิดดับนี้ได้อย่างสูงสุด คือความไม่มีทุกข์กับของคู่

ดังนั้น เรื่องผิด ก็เกิดจากถูก ถ้าไม่ผิด ก็ไม่มีถูก สุขก็เกิดจากทุกข์ ถ้าเราไม่ทุกข์จะพบสุขได้อย่างไร ความดีก็เกิดจากความชั่ว ถ้าเราไม่ชั่ว เราจะดีได้อย่างไร แลคนดีจะมีความอะไร ถ้าไม่มีคนชั่วมาเป็นเครื่องวัด ตำรวจจะมีความหมายหรือประโยชน์อะไร ถ้าไม่มีโจร กายมีได้ ก็เพราะจิต ถ้าไม่มีจิต กายจะมีประโยชน์อะไร มีแต่เอาไปเผาทิ้ง ความรู้จะมีความหมายอะไร ถ้าไม่มีความหลงมาเป็นเครื่องวัด ความตายจะมีได้อย่างไร ถ้าไม่มีการเกิด แม้ในที่สุด ผู้หญิงจะมีความหมายอะไร ถ้าไม่มีผู้ชาย

ดังนั้น เมื่อเข้าใจสัจจธรรมข้อนี้แล้ว เราจะให้ความเป็นธรรมแก่สุขและทุกข์ว่า มีค่าเท่ากัน แล้วเราจะไม่วิ่งหนีทุกข์อย่างเอาเป็นเอาตาย และจะไม่วิ่งหาสุขสบายอย่างหลงใหลคลั่งไคล้

แต่เราฝึกฝนวิปัสสนาปัญญา เพื่อนำมาใช้สัจจธรรมคู่นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิต แล้วเราจะได้ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด เพื่อรับใช้สัจจธรรมคู่นี้อีกต่อไป ตามแบบอย่างของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธมุนี และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ทั้งที่ได้ทำมาแล้ว กำลังทำ และจะทำต่อไป

แต่เมื่อยังไม่สามารถเจริญวิปัสสนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้ ก็ไม่มีทางเลย ที่จะใช้สัจจธรรมของคู่ที่ว่านี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปรมัตถประโยชน์ คือมรรค ผล นิพพานนั้นแล

 

พระพุทธยานันทภิกขุ